30 พฤศจิกายน 2552

การเปลี่ยนรหัสผ่าน hotmail

การเปลี่ยนรหัสผ่าน hotmail

วิธีเปลี่ยน password ของ hotmail
1. login เข้า User Hotmail ของเราปกติ
2. สังเกตมุมบนด้านขวามือจะมีคำว่า “ตัวเลือก” ถ้าเป็นภาษอังกฤษก็ “Option” คลิกเข้าไปเลยครับ



3. มีเมนูยื่นลงมา ล่างสุดจะเป็น “ตัวเลือกเพิ่มเติม”, “more options”
4. หัวข้อแรก “จัดการบัญชีของคุณ” จะมี “ดูและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ” เข้าไปเลยครับ “Manage your account” > “View and edit your personal information”



5. ดูที่ “ข้อมูลการกำหนดรหัสผ่านใหม่” รหัสผ่าน:****** เปลี่ยน, “Password reset information” Password: ****** Change คลิกที่นี่เลย



6. ใส่รหัสผ่านเดิม ใส่รหัสผ่านใหม่ ยืนยันรหัสผ่านใหม่ กด บันทึก
แค่นี้คุณก็เปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ ให้กับ Hotmail ได้แล้วครับ

ที่มา : http://www.blogintrend.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99-password-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-hotmail.html

การเปลี่ยนภาษา ใน hotmail

การเปลี่ยนภาษา ใน hotmail  จากภาษาอังกฤษ เป็นภาษาไทยนะครับ
1. คลิกที่ options
2. คลิกที่ English
3. เลือก ไทย
4. คลิก save
เท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนได้แล้วนะครับ

อาชีพขายหมูปิ้ง

อาชีพขายหมูปิ้ง (ขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง)

เงินลงทุน
เงินลงทุนเริ่มแรกประมาณ 3,600 บาท(รถเข็น 3,000 บาท เตาถ่านและตะแกรงย่าง 100 บาท)

รายได้
ประมาณ 6,000 บาท/เดือน

อุปกรณ์
รถเข็น เตาถ่านและตะแกรงย่าง ไม้เสียบหมูย่าง ถุงพลาสติก

วิธีทำส่วนผสม
หมู 1 กิโลกรัม กะทิ ½ ถ้วยตวง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด 1 ช้อนชา

วิธีทำ
หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ กว้าง 1 นิ้ว ยาว 3 นิ้ว นำมาคลุกกับน้ำตาลทราย น้ำปลา ซีอิ๊วดำ กระเทียม พริกไทย รากผักชี หมักไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำหมูมาเสียบไม้ ย่างไฟปานกลาง ขณะที่ย่างพรมหัวกะทิ ย่างจนสุกได้ที่

ข้าวเหนียว
นำข้าวเหนียวประมาณ 2 กิโลกรัม แช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืน จึงซาวน้ำทิ้ง แล้วนำมานึ่งโดยใส่น้ำอย่าให้ท่วมข้าวเหนียว นึ่งประมาณครึ่งชั่วโมง

ตลาด/แหล่งจำหน่าย
ตลาด แหล่งชุมชน

ข้อแนะนำ
1. หากบริเวณที่อยู่อาศัยเป็นทำเลที่เหมาะกับการค้าขาย ก็ไม่ต้องซื้อรถเข็น ทำให้ประหยัดเงินลงทุนได้
2. ทำให้สะอาดน่ารับประทาน และใช้เนื้อหมูสด ๆ ไม่ผสมสีหรือสารกันบูด

แหล่งที่มา กองส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหา งาน

อาชีพขายผลไม้

อาชีพขายผลไม้

1. อาชีพนี้ขายได้ทุกวัน ขายได้ทุกมื้อ
ผลไม้จะขายได้ดีกว่าขนมหวาน เพราะมีคนซื้อเยอะ ผู้หญิงซื้อ ผู้ชายซื้อ คนทำงานซื้อ สาวโรงงานซื้อ คนทำราชการซื้อ นักเรียนนักศึกษาซื้อ แถวสถานีขนส่งซื้อ แถวหน้าโรงหนังซื้อ ย่านคนรวยซื้อ ย่านตลาดสดซื้อ บางแหล่งแม้เวลาดึกดึกก็ยังซื้อ

แถวๆที่ทำงานของผม มีแผงขายผลไม้ประเภทปอกตัดแบ่งขาย อย่างนี้อยู่ 3 แผง และมีรถเข็นอยู่ 3 คัน(หรือ 3 แผง) แต่มีร้านขายขนมหวานอยู่แค่ 1 แผงครึ่ง เอง ที่เรียกว่าครึ่งแผง ก็เพราะว่าบางวันเธอก็ขาย บางวันเธอก็ไม่ขาย รู้สึกว่าตอนต้นเดือนเธอจะมาขายต่อเนื่อง 2-3 วัน แต่วันอื่นๆจะไม่แน่ แต่แผงขายผลไม้ปอกตัดแบ่งขายแบบนี้ มาขายทุกวัน มาพร้อมกันทั้ง 6 แผง สามัคคีกันขายเอากำไรจริงๆ

2. อาชีพนี้ขายสะดวก ไม่ต้องปรุงก่อนขาย
ปอกเปลือกเสร็จก็ตัดแบ่งขายได้ทันที เคยสังเกตแหล่งขายบางแหล่ง คนขายดูยังวัยรุ่นอยู่เลย ยังหั่นและตัดผลไม้ไม่ค่อยคล่อง คงจะเพิ่งหัดขาย แต่อาชีพนี้ก็มีข้อดีแบบนี้ ผลไม้ตัดแบ่งขาย มันจะอร่อยด้วยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นจะต้องใช้ฝีมือในการปรุงเข้ามาช่วย

3. อาชีพนี้ขายโดยเงินลงทุนน้อย
ไม่ต้องจัดหาถ้วยชาม ไม่ต้องมีเงินหลักหมื่นหลักแสนก็สามารถทำธุรกิจได้ อาจซื้อมาน้อยเดินเร่ขายน้อย แต่ถ้ามีเงินเยอะก็สามารถใช้เงิน คัดเกรทผลไม้ดีๆมาจัดวางขายบนรถเข็น บนแผงผลไม้ มีตู้กระจก มีน้ำแข็งรักษาความสด และสามารถเลือกขาย ณ ทำเลหรูมีแอร์ อย่างแถวศูนย์การค้า แถวหน้าโรงหนัง หรือแถวFood Centerของสำนักงานตึกสูงๆ และจ้างเด็กขาย

4. อาชีพนี้ขายได้กำไรสูง
ผมเอง…ซื้อผลไม้กินทุกมื้อหลังทานข้าว เพราะผมไม่ชอบกินของหวาน ผมมีแผงผลไม้ที่ซื้อประจำอยู่ที่ทำงาน 2 แผง อยู่ที่บ้าน 2 แผง ที่เลือกไว้อย่างละ 2 แผง ก็เพื่อว่า ถ้าแผงใดผลไม้ไม่ดี ก็ซื้ออีกแผงหนึ่งแทน แต่ถ้าดีทั้งสองแผงก็ซื้อแผงละถุง ซะ

ทีนี้ ความที่ผมซื้อเขาประจำมาหลายปี แผงทั้งสองก็เลยสนิทกับผม ต่างพยายามจะเรียกให้ผมซื้อบ่อยๆ พยายามจะเลือกของดีให้ พยายามจะแถมให้ บางครั้งแค่ผมจอดรถสั่งแล้วค่อยมารับ เขาก็เตรียมผลไม้ดีๆรอใส่ถุงให้มารับได้เลย เพื่อนๆจึงชอบฝากให้ผมช่วยซื้อผลไม้เป็นประจำ
.......ก็เพราะอย่างนี้

ผมก็เลยรู้ความจริงว่า ขายผลไม้ปอกเปลือก ตัดแบ่งขายแบบนี้ ได้กำไรเท่าตัว

แตงโมใบโตเนื้อแดงกรอบหวาน ลูกละ 40 บาท จะแบ่งขายได้ 8 ชิ้น
ชิ้นละ 10 บาท ถ้าลูกขนาดปกติลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท

แคนตาลูปเนื้อเหลืองหวานและหอม ลูกละ 33 บาท จะแบ่งขาย 2 ซีก ซีกละ 33 บาท

มะละกอแขกดำเนื้อแน่นหวานสีแดงส้ม ลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท

สับปะรดลูกโตเนื้อหวานฉ่ำทั้งลูก ลูกละ 30 บาท จะแบ่งขายได้ 6 ชิ้น ชิ้นละ 10 บาท

ฝรั่งแก่จัดรสกรอบหวาน โลละ 30 บาท ราวๆ 3 ลูก จะเฉาะใส่ถุงขายได้ 6 ถุง ถุงละ 10บาท

ชมพู่ องุ่น มันแกวก็เช่นกัน ซื้อมาเป็นกิโล แบ่งขายถุงละ 10 บาท ได้กำไรเท่าตัวทุกประเภท

ส้มเช้ง ละมุด พวกนี้จะยากตอนปอกเลือกและตัดแบ่งขาย แต่ราคาที่ขายถุงละ 20 บาท ก็ได้กำไรเท่าตัวทุกประเภทเช่นเดียวกัน

หากท่านสนใจจะทำอาชีพนี้ สิ่งที่ท่านควรจะมี ก็คือ
1. ท่านจะต้องรู้จักธรรมชาติของผลไม้ และมีฝีมือเลือกผลไม้เป็น
ท่านจะต้องรู้ว่าผลไม้บางอย่างซื้อเก็บไม่ได้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น มันแกว เพราะซื้อเก็บมันจะไม่สด จะต้องซื้อผลไม้พวกนี้วันต่อวัน แต่ผลไม้บางอย่างท่านซื้อเก็บได้ เช่น มะละกอ แตงโม สับปะรด ส้มเช้ง

ผลไม้บางอย่างท่านจะต้องจับต้องและห่อหุ้มต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่งั้นจะผลไม้จะเสียสภาพหมด ทั้งช้ำและไม่สวย เช่น มะละกอ ฝรั่ง ชมพู่ ละมุด

ท่านจะต้องเลือกผลไม้เป็น เมื่อปอกออกแล้วจะต้องเป็นผลไม้ที่กินอร่อย ถ้าเลือกไม่เป็นท่านจะต้องหาคนที่เขาเลือกเป็นจริงๆ ไปช่วยท่านเลือกด้วยในระยะแรก เมื่อท่านชำนาญแล้วจึงไปเลือกซื้อเองคนเดียว

การซื้อ ท่านไม่ควรเลือกซื้อทุกลูกจากผู้ขายเจ้าเดียว ควรเลือกผลไม้ที่ดีที่สุดจากผู้ขายหลายเจ้า และท่านต้องทราบแหล่งที่มีผู้ขายหลายเจ้าด้วยว่าอยู่ที่ไหน เช่น แถวตลาดมหานาค และตลาดสี่มุมเมือง

ท่านควรจะทราบเวลาที่ผลไม้แต่ละชนิดลงขาย และควรจะขยันไปเลือกซื้อก่อนผู้อื่นทุกวัน หากราคาที่ซื้อจะแพงหน่อย ก็อาจจะจะยอมซื้อเพื่อหวังขายคุณภาพเพื่อให้ลูกค้าติดใจ แล้วค่อยตัดแบ่งขายแพงหน่อย ก็แล้วกัน กินของดีแต่แพงหน่อย ลูกค้าบางกลุ่มเขาก็ไม่ว่าหรอก

2. ท่านจะต้องปอกผลไม้และตัดแบ่งผลไม้เป็น
ท่านจะต้องปอกผลไม้เร็วตัดแบ่งเร็ว ปอกสวยตัดแบ่งผลไม้สวย ดูน่ากิน ขนาดเท่ากัน ไม่ช้ำ มีดคม ไม่เฉือนเนื้อออกเยอะเกินไป ไม่ตัดแบ่งผลไม้แล้วเหลือเศษชิ้นเล็กๆมากเกินไป

3. ท่านจะต้องสะอาด
ท่านจะต้องล้างผิวผลไม้ล้างให้สะอาดแต่เบามือ อาจต้องล้างด้วยผ้านุ่มหรือฟองน้ำผิวละเอียด อาจต้องล้าง 2 น้ำ ผลไม้บางชนิดอาจต้องล้างด้วยด่างทับทิมหรือ baking soda เพื่อให้สะอาดปราศจากสารปนเปื้อน

มือที่จะปอกและตัดแบ่งผลไม้ต้องสะอาด ใช้มีดสะอาด อาจล้างมีดบ่อย ถัง กะละมังที่ใช้ และบรรจุภัณฑ์ที่จะใส่ผลไม้ ต้องสะอาด จัดวางบรรจุภัณฑ์ในตู้หรือในถังแช่ความเย็นที่สะอาดปราศจากแมลงและฝุ่น
ผู้ขายที่หยิบจับเงินจากลูกค้าจะหยิบได้แค่บรรจุภัณฑ์ผลไม้
ต้องไม่หยิบจับตัวผลไม้

4. ท่านจะต้องหาตลาดที่ขายได้มาก
ท่านอาจจะจ้างเด็กช่วยขายแทนท่าน ขายบนรถเข็น ขายบนรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ขายบนรถกระบะที่ขับตระเวนไปจอดขายหลายที่ต่อวัน หรือถ้ามีเงินทุนน้อยก็อาจจะใส่ตะกร้ายืนขาย ณ บริเวณที่ที่มีคนสัญจรมาก และแถวนั้นไม่ควรมีร้านค้าคู่แข่ง

เช่น ตอนเช้าอาจขายใกล้ป้ายรถเมล์ ขายหน้าโรงพยาบาล ขายหน้าโรงงาน ตอนเที่ยงอาจขายใกล้ร้านแม่ช้อยชวนชิม ขายในหน่วยงานราชการ ขายหน้าโรงงาน ตอนบ่ายขายหน้าอู่ซ่อมรถ ขายหน้าร้านเสริมสวย ตอนเย็นขายหน้าโรงเรียน ขายใกล้ป้ายรถเมล์ ขายใกล้ทางเข้าสวนสาธารณะหรือสนามกีฬา ตอนกลางคืนขายใกล้ร้านแม่ช้อยชวนชิม และขายหน้าสถานบันเทิง เป็นต้น

5. ท่านจะต้องมีกลยุทธ์การขาย
• ท่านอาจจะบรรจุผลไม้ 2 ประเภทขายในบรรจุภัณฑ์เดียว หากบรรจุในถุงพลาสติกและแม็กปากถุงขาย ใส่จำนวนน้อยหน่อย ขายถุงละ 10 บาท หากบรรจุในถาดโฟมและปิดคลุมด้วยแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร(Wrap) ใส่จำนวนมากหน่อย ขายถาดละ 15 บาท

หมายเหตุ : ร้านค้าที่ขายผลไม้แบบนี้ออนไลน์ จะขายถาดโฟมละ 2 ประเภทผลไม้ ราคาขายถาดโฟมละ 20 บาท คลิกอ่านที่นี่
• นอกจากขายปลีกแล้ว ท่านอาจจะแจกใบปลิวแก่ลูกค้า บอกคุณภาพของผลไม้ ความสะอาดของผลไม้ที่ขาย มีรูปภาพบรรจุภัณฑ์ แล้วท่านอาจรอคำสั่งซื้อทางโทรศัพท์ แล้วให้เด็กนำไปส่งขายถึงที่ตามคำสั่งซื้อ หรืออาจสอบถามลูกค้าที่สั่งซื้อประจำว่า ต้องการรับผลไม้ตัดแบ่งขายทุกวันหรือไม่ เพราะจะนำไปให้คัดเลือกซื้อถึงที่ ทุกวัน ขายคล้ายๆขายยาคูล์ที่ส่งลูกค้าทุกวันนั่นแหละครับ แต่ผลไม้ของท่านจะมีชนิดและรสชาติหลากหลายให้เลือกซื้อมากกว่ายาคูล์ กลยุทธ์การขายเชิงรุกแบบนี้เพื่อเพิ่มยอดขาย เพิ่มจากการขายปลีก
• มีหลายหน่วยงานทีเดียวที่ต้องการรับซื้อผลไม้ตัดแบ่งแบบนี้ ขอให้ส่งถึงที่ เพื่อจะใช้เป็นเบรกของว่าง ขณะประชุม และขณะฝึกอบรมตอนบ่าย

หากท่านขายเป็นเบรกของว่างขณะประชุมหรือขณะฝึกอบรมได้สัก 2 หน่วยงาน โดยขายได้สักวันละจำนวน 100 แพ็ค ราคาขายแพ็คละ 15 บาท คิดเป็นเงิน 1,500 บาท ผมได้เคยบอกในตอนต้นแล้วว่า ขายผลไม้ตัดแบ่งแบบนี้ ท่านจะได้กำไรเท่าตัว ฉะนั้นท่านจะได้กำไรจากการส่งขายเพื่อเป็นเบรกของว่างขณะประชุมหรือขณะฝึกอบรมแบบนี้
ได้วันละ 750 บาท
ฉะนั้นท่านควรจะหาตลาดขายผลไม้ของท่าน จากหน่วยงานที่เขาจัดประชุมจัดฝึกอบรมในตอนบ่าย เพิ่มเติมจากการขายปลีกด้วย ยิ่งหาได้มากๆหน่วยงาน ท่านก็จะยิ่งได้กำไร
อย่าตกใจว่าท่านขายแพง ผลไม้ที่มีให้เลือก 2 ชนิด ที่สด รสชาติดี
ตัดแต่งสวย บรรจุสวยและสะอาด ราคาขายแพ็คละ 15 บาท เป็นราคาที่ขายไม่แพงเกินไปหรอกครับ เพราะศิริวัฒน์แซนด์วิช ที่เขาขายแซนด์วิชให้กับงานประชุมหรืองานฝึกอบรม เฉพาะขายแซนด์วิชอย่างเดียวก็ราคา
18-35 บาทแล้ว เขาก็ยังขายดี ไม่มีหน่วยงานไหนต่อราคา
แซนด์วิชของเขากันเลย
• ผลไม้ที่ตัดแบ่งขายแบบนี้ ราคาจะขายแน่นอนคงที่ไม่ 10 บาทก็ 15 บาทละครับ ฉะนั้นท่านคงไม่ต้องยืนขายปลีกหรือขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างขายปลีกเอง แต่ท่านอาจจ้างเด็กมาช่วยขายแทนท่านได้ ท่านควรนำเวลาไปใช้เพื่อการหาตลาดที่ควรจะขายดีกว่าเดิม นำเวลาไปใช้เพื่อการหาหน่วยงานที่ต้องการจัดเบรกของว่างบ่ายในการประชุมหรือการฝึกอบรมจะดีกว่า เพราะราคาขายผลไม้ที่คงที่ หากเด็กของท่านนำผลไม้ไปขาย 80 ถุง ราคาขายถุงละ 10 บาท เด็กก็จะต้องนำเงินมาคืนท่าน 800 บาท ซึ่งท่านจะได้กำไรจากยอดขายของเด็กคนนี้ 400 บาท ท่านจะต้องแบ่งเป็นค่าจ้างขายให้เด็กประมาณ 200 บาท ท่านก็จะได้กำไรสุทธิจากยอดขายของเด็กคนนี้ 200 บาท
สำหรับกลยุทธ์การขายในข้อนี้ ท่านจะต้องตกแต่งรถมอเตอร์ไซค์ให้สีสวยสะดุดตา ให้เด็กสวมเสื้อสะอาดสีสวยสะดุดตา มีเสียงแตรเรียกร้องความสนใจ มีถุงบรรจุภัณฑ์ที่สวยแปลกตา และฝืกอบรมให้เด็กมีบุคลิกท่าทางสุภาพ สะอาด พูดจาไพเราะ …ทั้งหมดนี้อาจจะให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมด
• นอกจากผลไม้จะมีรสชาติดี แช่เย็นแล้ว ยังจะต้องสดใหม่ด้วย ฉะนั้นเด็กที่ช่วยนำผลไม้ไปขาย จึงไม่ควรจะให้นำไปขายครั้งละจำนวนมาก แต่ควรจะให้นำไปขายจำนวนน้อยเพื่อขายเฉพาะของสดใหม่ เมื่อขายใกล้จะหมดก็ให้แจ้งกลับมาที่แหล่งปอกและตัดแบ่งผลไม้ เพื่อนำไปส่งเพิ่มเติมจะดีกว่า
• การปอกเปลือกและตัดแบ่งผลไม้บรรจุถุงและถาดโฟม แล้วแช่เย็นไปขายนี้ ทำกันที่บ้าน ท่านจึงอาจจะซื้อผลไม้มีตำหนิ แต่เป็นผลไม้สด
รสชาติดี ล้างสะอาดมาตัดแต่งบรรจุถุงขาย ก็ได้
ราคาซื้อผลไม้จะได้ถูกลง
• ผลไม้ต่อวันหากขายไม่หมด ไม่ควรจะนำมาขายอีกในวันรุ่งขึ้น แต่ควรจะนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ เป็นแยมผลไม้ เป็นผลไม้เชื่อม หรือตากแห้งอบแห้งแล้วนำมาปรุงรสเพิ่มเติม แล้วนำไปวางขายเป็นถุงร่วมกับผลไม้สด เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้า และท่านก็จะได้ไม่เสียของ
ถ้าท่านชอบผลไม้ ก็น่าจะสนับสนุนใหัผู้อื่นกินผลไม้
เป็นผลไม้ที่ท่านคัดเลือกคุณภาพเอง สดใหม่ ล้างและตัดแบ่งบรรจุถุงสะอาด แล้วแช่เย็นให้ผู้อื่นกิน

…….นอกจากจะเป็นอาชีพแล้ว ยังเป็นความสุขใจนะครับ ที่มอบสิ่งดีดีให้ผู้อื่น………

ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yyswim&month=07-2005&date=20&group=5&gblog=11

อาชีพเติมเงินออนไลน์

อาชีพเติมเงินออนไลน์
          ในปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก การดำเนินธุรกิจผ่านทางอินเตอร์เน็ต
          จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับคุณ หากเพียงคุณมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตคุณก็สามารถให้บริการลูกค้าได้หลากหลายกว่ากับ
ระบบเติมเงินแบบใหม่ของ SiamTopup

          ที่ให้คุณเติมเงินเข้าบัญชีสมาชิก พร้อมเติมเงินให้กับลูกค้าของคุณสามารถเติมได้ทุกระบบ ทุกเครือข่าย และมีหลากหลายผลิตภัณฑ์
แถมกำไรที่ได้ยังสูงกว่าการซื้อบัตรเติมเงินอีกด้วย

          กับค่าสมัครแรกเข้าเพียง 300 บาท พร้อมเปิดให้บริการ ง่าย สะดวกและรวดเร็ว กว่าการวิ่งไปหาซื้อบัตร เมื่อคุณโอนเงินผ่านธนาคาร
ก็พร้อมมียอดเติมเงินให้กับคุณทันที

          รวดเร็วกว่าด้วยระบบการทำงานคอมพิวเตอร์ระดับแม่ข่าย เพียงคุณกรอกเบอร์ที่ต้องการเติม และระบุยอดเงินที่ต้องการเติม
          เพียงเท่านี้ยอดเงินก็จะเข้าบัญชีลูกค้าพร้อมมีหลักฐาน SMS ให้ทันที

ลิงค์สำหรับแนะนำ http://www.siamtopup.com/refercheck.php?r=sitcenter